หน้ากาก [ฮัวเสีย] 124 days left:แป้ง @dmbjonly #dmbjdaily


เซี่ยอวี้เฉิน*อู๋เสีย

เครื่องแต่งหน้าที่หนาจนแทบไม่เห็นผิวเนื้อเป็นเอกลักษณ์ของละครงิ้ว
เสียงขับกลอนแสบหูกับการเคลื่อนไหวบนเวทีที่เปลี่ยนฉากไปตามท้องเรื่องดูเข้าใจยากจนเถ้าแก่สามเผลออ้าปากหาวหวอด
ทั้งที่ได้ที่นั่งชั้นดีมาจากฮวาตั้นผู้มีน้ำเสียงไพเราะจนเป็นที่เลื่องลือ แต่ชายในชุดสูทสีเข้มกลับกอดอกนั่งสัปปะหงก ถ้าไม่ใช่เพราะบัตรฟรีแล้ว เขาอาจจะนั่งรอเซี่ยอวี้เฉินอยู่ที่ร้านกาแฟสักแห่ง ก่อนจะนัดหมายไปที่ภัตตาคารที่คุณชายเก้าเอ่ยปากว่าจะเลี้ยง

อู๋เสียเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไปยังฉางไป๋ซาน
กลายเป็นเหตุการณ์ประจำปีไปเสียแล้วที่เขาต้องเดินทางไปที่นั่นกลางฤดูร้อน--เพื่อย้ำเตือนความทรงจำว่าเมินโหยวผิงยังอยู่ที่นั่น และสัญญาสิบปีที่มอบให้ไว้จะถูกจดจำไปจนกว่าจะถึงเวลานั้น

เขายิ้มกับตัวเอง มือจับลัญจกรที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อราวกับจะย้ำเตือนกับตัวเอง--เป็นการเดินทางที่ใช้เวลาเตรียมตัวร่วมเดือน แต่กลับใช้เวลาบนเขาไม่ถึงอาทิตย์ดีด้วยซ้ำ
เป็นเวลาที่แสนสั้น แต่ก็น่าแปลกที่ช่วงเวลานั้นยังตราตรึง
ทั้งที่เขากลับมาที่นี่ อยู่ในเมืองหลวงที่ห่างออกมาหลายร้อยกิโลเมตร แต่ใจเขายังคงวนเวียนอยู่ที่นั่น เฝ้ารอเวลาให้ถึงปีถัดไปที่เขาจะกลับไปยังฉางไป๋ซานอีกครั้ง

"น่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ อาเฮีย"
เซี่ยอวี้เฉินทักเขา ใต้เครื่องหน้าที่หนาเสียจนไม่เห็นผิวเนื้อ เขาเดาไม่ออกเลยว่าฮวาตั้นคนสวยมีสีหน้าอย่างไร--ตัดพ้อ งอน หรือว่าแค่หยอกล้อกันขำๆ
"ฉันนอนไม่ค่อยหลับน่ะ"
อู๋เสียเลี่ยงตอบอย่างขอไปที เพราะเป็นคนที่เซี่ยอวี้เฉินพามา จึงได้เข้ามาด้านหลังเวที ในห้องพักของนักแสดงที่กั้นแบ่งเป็นสัดส่วน
สำหรับฮวาตั้นคนงามแล้ว ดูเหมือนจะมีกระทั่งห้องส่วนตัว

อู๋เสียหันไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่พาเขามาส่งถึงที่นี่
โรงงิ้วแห่งนี้มีชื่อเสียงถึงขนาดได้รับยกย่องว่าเป็นโรงละครงิ้วแห่งสำคัญของชาติ อภิสิทธิ์ที่ได้มานั้นมาจากบารมีคนสกุลเซี่ยทั้งนั้น
เซี่ยอวี้เฉินบอกให้เขาหาที่นั่งระหว่างรอเขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
เส้มผมปลอมที่ยึดกับมงกุฏถูกปลดออกทีละส่วน

"อย่าคิดจะสูบเชียว"
เอ่ยทักคนที่คาบบุหรี่ในปาก ดวงตาคมมองเงาคนข้างหลังที่สะท้อนผ่านกระจกก็เห็นอู๋เสียชะงักไป เก็บบุหรี่ลงกระเป๋า

"เหมือนกับหน้ากากเลยนะ"
เมื่อไม่ได้สูบนิโคตินที่เสพติด อู๋เสียก็หันมองไปรอบห้องหาความสนใจ เครื่องประดับที่ดูรุ่มร่ามและยุ่งยากถูกประกอบขึ้นมาอย่างละเอียดละออ เมื่อรวมเข้ากับรูปหน้าที่แต่งด้วยสีจัดผิดมนุษย์ก็กลายเป็นศิลปะชั้นสูง

"ก็เหมือนกับมนุษย์นั่นแหละ
"ทุกคนต่างก็ต้องสวมหน้ากากกันทั้งนั้น"
เรียวนิ้วได้รูปปลดกิ๊บดำออกมาที่ละชิ้น มงกุฏฮวาตั้นถูกถอดออกและสวมกับศีรษะของหุ่นไร้หน้า--อวี้เฉินฝึกและแสดงงิ้วมาตั้งแต่เด็ก แม้เครื่องแต่งกายจะยุ่งยาก แต่เขาก็จัดการได้เพียงลำพัง

ก็เหมือนธุรกิจของครอบครัว
นอกจากอาชีพนักแสดงแล้ว คุณชายเก้ายังมีกิจการที่ต้องดูแล และโลกเบื้องหลังที่ไม่ได้ถูกต้องตามกฏหมายเองก็รวมอยู่ด้วย

ครอบครัวเซี่ยนั้นอาภัพ
หากไล่เรียงทายาทสายตรงที่เหลืออยู่ก็เห็นจะมีแต่เซี่ยอวี้เฉิน
คนหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเป็นหัวหน้าตระกูลตั้งแต่คุณชายอู๋ยังเรียนอยู่มหาลัยเสียด้วยซ้ำ--หากพูดถึงประสบการณ์ในวงการแล้ว อวี้เฉินเป็นรุ่นพี่เขาอยู่หลายปี

บางครั้งอู๋เสียเลยต้องขอความช่วยเหลืออย่างเลี่ยงไม่ได้
และเจ้าของแผ่นหลังกว้างคนนี้ก็คอยให้ความช่วยเหลือเขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่

หากมีอะไรที่ตอบแทนได้ เขาก็อยากจะทำให้
เมื่ออู๋เสียได้รับบัตรเชิญ เขาถึงปฏิเสธไม่ได้

"จะชวนนายหวังมาก็ได้นะ"
เสี่ยวฮัวเอ่ยกับเขาผ่านสายโทรศัพท์ เมื่อเขาพบว่าบัตรละครถูกแนบมากับตั๋วเครื่องบินไปปักกิ่ง--สองใบ

"อย่างนายอ้วนน่ะ ดูไม่เป็นหรอก"
อู๋เสียหัวเราะ อวี้เฉินก็หัวเราะตาม แต่เสียงนั้นก็คล้ายฝืนเสียเหลือเกิน--อู๋เสียสะบัดกระดาษในมือ ก่อนจะเอ่ยออกไป "โทษทีนะ เห็นทีว่าฉันต้องคืนนายใบนึงแล้วล่ะ"
เพราะใจจริงนายอยากให้ฉันไปคนเดียว...ใช่มั้ยล่ะ เสี่ยวฮัว--ปลายสายหัวเราะเบาๆ แน่นอนว่าเขาไม่นึกโกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น
"น่าเสียดาย ฉันอยากจะให้อาเฮียเป็นรางวัลที่กลับมาจากฉางไป๋ซานอย่างปลอดภัยเสียหน่อย" อวี้เฉินยอมรับอย่างเสียไม่ได้ "ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเลี้ยงข้าวดีๆ สักมื้อแล้วกัน"


เซี่ยอวี้ฮัวมักจะยิ้มให้อู๋เสียเสมอ
ไม่ว่าเขาจะหาเรื่องมาให้คนคนนั้นลำบากใจมากแค่ไหน
อู๋เสียมองคนที่หันหน้าเข้ากระจก ค่อยๆ ปลดวิกผมด้านหน้าออกทีละชั้น--ใต้เครื่องแต่งหน้านั้นยากจะคาดเดาว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร
เหมือนกับหน้ากาก ที่เสี่ยวฮัวมักจะสวมใส่ยามเข้าหาคนเพื่อทำธุรกิจ

อู๋เสียนับถืออวี้เฉิน ที่สามารถจัดการหลายอย่างได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง
เขายังอ่อนหัดนัก เมื่ออยู่ในวงการที่ไว้ใจใครไม่ได้
แต่บางครั้งก็เคยนึกสงสัย
ว่าความรู้สึกที่แท้จริงใต่สิ่งนั้น ตรงกับที่แสดงออกมาหรือไม่

อู๋เสียลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปหาอวี้เฉิน
"ให้ฉันช่วยนะ"
อู๋เสียหยิบเครื่องประดับผมชิ้นเล็กชิ้นน้อยในกล่องกำมะหยี่ เรียวนิ้วที่แตะต้องอย่างเบามือสมเป็นคนที่ทำงานในวงการของเก่า--ละเอียดอ่อนกับของชิ้นเล็ก
"มันแพง ระวังหน่อยล่ะ"
อวี้เฉินอดกัดไม่ได้ เสียงหัวเราะในลำคอทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังล้อเขาเล่นอยู่--อู๋เสียย่นจมูก

"ล้างออกยากมั้ย"
แผ่นสำลีถูกเทน้ำยาล้างเครื่องสำอางลงจนชุ่ม เสี่ยวฮัวเช็ดมันไปทั่วหน้า
หนึ่งแผ่น
สองแผ่น
สามแผ่น
หลายแผ่นจนอู๋เสียเลิกนับ นั่งมองแผ่นแป้งที่ถูกลอกออกทีละชั้น เผยใบหน้าที่แท้จริงของคนตรงหน้าออกมา

ตอนนี้
นายก็ยังสวมหน้ากากอยู่หรือเปล่า เสี่ยวฮัว

อู๋เสียมองขอบตาหนาสีดำที่ถูกเช็ดทำความสะอาดออกไป ปรากฏดวงตาคมที่สวยโดยธรรมชาติ เมื่อตวัดมองมาก็ทำเอาเถ้าแก่สบหลบมองไปทางอื่นแทบไม่ทัน
"อาเฮียก็สนใจด้วยงั้นเหรอ แต่งหน้าน่ะ"
"เปล่า"
ใบหน้าเปลือยของอวี้เฉินเป็นรูปทรงสวยโดยไม่ต้องตกแต่ง ใบหน้าคมคาย ดวงตาเฉียงคมรับกับสันจมูกโด่ง--เครื่องหน้าที่ใช้หว่านล้อมให้คนเข้ามาศิโรราบ ขณะเดียวกันก็เป็นหน้ากากที่สวมจนชินชา นานเสียจนถอดไม่ออก

"นายเหนื่อยบ้างมั้ย"
ใต้หน้ากากผู้นำที่ชักนำคนจำนวนมากให้อยู่ใต้อำนาจนั้นเป็นอย่างไรกันแอบซ่อนความรู้สึกอะไรไว้ เหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องแสร้งทำตัวแกร่งเพื่อควบคุมคนอื่น

"ถ้าหมายถึงการแสดงเมื่อกี้ล่ะก็ ให้แสดงอีกสิบรอบก็ยังสบาย"
เสียงหัวเราะฟังดูเสแสร้ง
"แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ฉันคงตอบยาก คุณชายห้าก็ถามมาทีละเรื่องแล้วกัน"

"เรื่องฉัน"
อู๋เสียเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยออกมา

เซี่ยอวี้เฉินเม้มริมฝีปาก
ดวงตาที่หวั่นไหวปรากฏเพียงแว่บเดียว ก่อนจะปกปิดด้วยรอยยิ้ม
"ถ้าอาเฮียคิดว่าทำให้ฉันเหนื่อย ก็ช่วยดูแลตัวเองให้ได้สักทีเถอะ
"เซี่ยอวี้เฉินมีคนเดียว จะให้ช่วยนายทุกเรื่องก็ไม่ไหวเหมือนกัน"
"ขอโทษนะ"
อู๋เสียยิ้มอ่อน เสมองบนพื้น มือช้วงเข้าไปในกระเป๋า หมายจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างเคยชิน

"เสี่ยวฮัว"
อู๋เสียเรียกชื่ออีกฝ่าย น้ำเสียงนิ่งเรียบนั้นหนักแน่นจนน่าใจหาย

"อย่ารอฉันเลยนะ"


เซี่ยอวี้เฉินจำไม่ได้ว่าอู๋เสียเดินออกจากห้องไปตั้งแต่ตอนไหน
แต่หัวใจเขาคล้ายหยุดเต้นไป ในช่วงเวลาหนึ่งที่ประโยคนั้นสะท้อนอยู่ในหัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


...หน้ากากที่สวมอยู่นั้น แม้จะคิดว่าสวมใส่อย่างแน่นหนาแล้ว
แต่เพียงประโยคเดียวกลับถอดออกโดยง่ายดาย




///
งงๆ และเมามาก ทั้งที่คิดว่าจะไม่ดราม่าแล้วนะ ฮือ
แป้งในที่นี้คือแป้งแต่งหน้าค่ะ เป็นแป้งงิ้วที่โบะหนาเป็นพิเศษ(...)
ลองเอาไปเทียบกับหน้ากากดู อธิบายไม่ถูก แต่ประมาณนั้นแหละ

/คลานกลับหลุมกาว

Reply · Report Post